ชีวิตในโรงพยาบาลของนักศึกษาแพทย์และแพทย์จบใหม่ถือเป็นประสบการณ์ที่ทั้งเหนื่อยแต่ก็เติมเต็มเช่นกัน ขึ้นอยู่กับช่วงชั้นปีและบทบาทที่รับผิดชอบ เดี๋ยวจะแบ่งตามช่วงต่างๆ ให้เห็นภาพชัดเจนตามนี้
1. ช่วงเป็นนักศึกษาแพทย์ (ปี 3-6) : ฝึกปฏิบัติงาน (Clerkship & Internship)
หน้าที่หลัก:
- ฝึกซักประวัติผู้ป่วย ตรวจร่างกายพื้นฐาน (เช่น วัดความดัน ฟังเสียงหัวใจ)
- ทำงานร่วมกับแพทย์ประจำบ้าน (Resident) และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Consultant)
- เขียนรายงานการรักษา เตรียมนำเสนอเคสใน Ward Round (การประชุมสรุปอาการผู้ป่วยรอบเช้า)
- ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น เจาะเลือด ใส่สายสวน ปิดแผล
ชีวิตประจำวัน:
- ตารางงาน: เริ่มเช้ามืด (7-8 โมงเช้า) บางครั้งอยู่ถึงเย็นหรือดึก ถ้าเป็นเวร
- เวร: อยู่เวร 24 ชั่วโมง (ประมาณ 2-3 ครั้ง/เดือน) ฝึกจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- ความเครียด: ต้องตัดสินใจเร็ว แต่มีแพทย์พี่เลี้ยงคอยดูแล
สิ่งที่ได้เรียนรู้:
- ทักษะการสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติ
- การทำงานเป็นทีมกับพยาบาลและทีมแพทย์
- รู้จักโรคและอาการที่หลากหลายจากการเห็นเคสจริง
2. ช่วงเป็นแพทย์ฝึกหัด (Internship)
หน้าที่หลัก:
- ดูแลผู้ป่วยเต็มตัวภายใต้การควบคุมของแพทย์พี่เลี้ยง
- ทำงานในแผนกหลัก เช่น อายุรกรรม ศัลยกรรม ฉุกเฉิน
- มีสิทธิ์สั่งยาและรักษาเบื้องต้น (แต่ต้องปรึกษาแพทย์ประจำบ้านก่อน)
ชีวิตประจำวัน:
- ชั่วโมงงาน: เฉลี่ย 60-80 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวรถี่ขึ้น
- ความรับผิดชอบ: หนักกว่าเดิม เพราะต้องตัดสินใจเองมากขึ้น
- ความท้าทาย: เจอผู้ป่วยวิกฤตที่ต้องดูแลตลอดเวลา
ช่วงเป็นแพทย์ประจำบ้าน (Residency) : เรียนต่อเฉพาะทาง
หน้าที่หลัก:
- เรียนเฉพาะทาง (เช่น อายุรกรรม, ศัลยกรรม) 3-5 ปี
- ดูแลผู้ป่วยในแผนกเฉพาะทาง ฝึกผ่าตัดหรือทำหัตถการซับซ้อน
- วิจัยและนำเสนอกรณีศึกษาในประชุมวิชาการ
ชีวิตประจำวัน:
- ตารางงาน: อยู่โรงพยาบาลเกือบ 24 ชม. (บางแผนกเวรทุก 3 วัน)
- ความกดดัน: ต้องแม่นยำในการรักษา เพราะรับผิดชอบชีวิตคน
- การสอบ: สอบวัดความรู้ทุกปี เพื่อขึ้นชั้นปี
4. ช่วงเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (Consultant)
หน้าที่หลัก:
- เป็นหัวหน้าแผนก รับผิดชอบการสอนนักศึกษาแพทย์
- ตัดสินใจรักษาเคสยาก ดูแลผู้ป่วยใน OPD และ IPD
- ผ่าตัดหรือทำหัตถการเฉพาะทาง (ถ้าเป็นศัลยแพทย์)
ชีวิตประจำวัน:
- เวลางาน: ค่อนข้างคงที่ แต่ยังมีเวรตามแผนก
- งานเอกสาร: เพิ่มขึ้น เช่น ลงทะเบียนวิจัย เตรียมเอกสารวิชาการ
- สมดุลชีวิต: หากทำงานรัฐบาลอาจมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเอกชนอาจต้องรับเคสหนัก
5. ความท้าทายในชีวิตโรงพยาบาล
- ความเหนื่อยล้า: ชั่วโมงงานยาว เวรดึก ความกดดันสูง
- การเผชิญความตาย: บางครั้งต้องบอกข่าวร้ายหรือยอมรับว่าช่วยผู้ป่วยไม่ได้
- ความขัดแย้ง: การสื่อสารกับญาติผู้ป่วยที่เข้าใจยาก หรือความเห็นต่างในทีมรักษา
สิ่งที่ทำให้ชีวิตในโรงพยาบาล “คุ้มค่า”
- ความสุขเล็กๆ: เห็นผู้ป่วยหายดี ยิ้มได้ หรือพูดขอบคุณ
- การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด: ได้เห็นโรคใหม่ๆ เทคนิคการรักษาที่ทันสมัย
- การเติบโตทางจิตใจ: ฝึกความเข้มแข็ง ความเห็นอกเห็นใจ และการให้โดยไม่หวังผล
คำแนะนำจากรุ่นพี่
- อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง: แพทย์ที่ดีต้องอัปเดตความรู้ตลอดชีวิต
- หาที่ปรึกษา (Mentor): ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องและให้คำแนะนำการทำงาน
- ดูแลสุขภาพตัวเอง: อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลา นอนพักให้เพียงพอ
- ทำงานด้วย “หัวใจ”: ความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ทำให้ผู้ป่วยไว้ใจและรู้สึกดีขึ้น
ชีวิตในโรงพยาบาลไม่ใช่แค่การใส่เสื้อกาวน์เท่ๆ แต่คือการทำงานที่ต้องเสียสละและทุ่มเทอย่างมาก แต่ทุกความยากจะกลายเป็นคุณค่าเมื่อน้องqได้เห็นผู้ป่วยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง ถ้าน้องพร้อมจะก้าวผ่านความท้าทายนี้ เชื่อว่าเส้นทางแพทย์จะมอบประสบการณ์ที่ไม่มีอะไรแทนที่ได้ครับ!